นี่ก็ใกล้เข้าสู่ช่วงสอบเข้ามหาลัยมาทุกที น้อง ๆ ม.6 ทุกคนก็ควรเริ่มอ่านหนังสือ และเตรียมติวสอบเข้ามหาลัยอย่างจริงจังได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบ TCAS มากมาย จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับ TCAS 66 วันนี้ Highskill ได้รวบรวมทุกข้อสงสัยมาให้น้อง ๆ DEK 66 ทุกคนแล้ว ไปดูกันเลย!!!
TCAS 66 มีทั้งหมด 4 รอบ
รอบที่ 1 Portfolio เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่เป็นสายกิจกรรม มีผลงานและทักษะที่โดดเด่น ที่สำคัญคือต้องตรงตามคุณลักษณะพิเศษตามที่มหาลัยต้องการ ก็สามารถลองยื่นในรอบนี้ได้
รอบที่ 2 Quota รอบโควต้าพิเศษสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเข้าโครงการพิเศษของมหาลัย เช่น โครงการสำหรับนักกีฬา โครงการคนที่ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่มหาลัยกำหนด รวมไปถึงความสามารถพิเศษอื่น ๆ
รอบที่ 3 Admission รอบแอดมิดชั่น หรือรับตรงร่วมกัน ถือเป็นรอบยอดฮิตที่น้อง ๆ ยื่นกันมากที่สุด โดยจะวัดจากผลคะแนนสอบล้วน ๆ เปิดรับสมัครและยื่นผ่านระบบ TCAS พร้อมกันทั้งประเทศ
รอบที่ 4 Direct Admissiom รอบรับตรงอิสระของมหาลัย ถือเป็นรอบเก็บตกสำหรับคนที่ยังไม่ได้มหาลัยที่ต้องการ หรือ ยังสอบไม่ติด ซึ่งเป็นรอบที่เปิดรับค่อนข้างน้อย และบางคณะหรือมหาลัยก็จะไม่เปิดรับในรอบนี้แล้ว เนื่องจากที่นั่งเต็มตั้งแต่รอบแอดมินชั่น
เลือกสอบผ่านคอมพิวเตอร์ได้
TCAS66 จะเริ่มนำร่องการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้มหาวิทยาลัยของ ทปอ. เป็นสนามสอบควบคู่ไปกับการสอบแบบกระดาษที่สนามสอบโรงเรียน โดยผู้เข้าสอบสามารถเลือกได้ตามสมัครใจว่าจะสอบแบบไหน ซึ่งข้อดีของการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์คือผู้สอบจะทราบผลคะแนนสอบ 3 วันหลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ซึ่งเมื่อเทียบกับการสอบแบบกระดาษแล้วก็ถือว่าเร็วกว่ามาก ๆ
ลดการซ้ำซ้อนของรายวิชาสอบ
หลายปีที่ผ่านมามีการสอบซ้ำซ้อนในหลายรายวิชา ทำให้เด็กรุ่นก่อน ๆ ต้องสอบหลายครั้งโดยไม่จำเป็น ซึ่งในปีนี้ข้อสอบจะเน้นการนำความรู้มาประยุกต์ใช้จริงมากขึ้น และเนื้อหาจะออกตามหลักสูตรการศึกษา อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าข้อสอบจะปรับออกมาเป็นแนวไหน ทางที่ดีน้อง ๆ ควรเก็บเนื้อหาให้แม่นยำ แลฝึกทำโจทย์หลาย ๆ รูปแบบ
เปลี่ยนจาก GAT/PAT/วิชาสามัญ เป็น TGAT/TPAT/A-LEVEL
ปีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับวิชาสอบ เพราะมีการจัดหมวดหมู่ใหม่ และเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อลดรายวิชาซ้ำซ้อน ซึ่งนอกจากชื่อวิชาสอบที่เปลี่ยนไปแล้ว เนื้อหาที่ออกสอบก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดย GAT มีการปรับเป็น 3 ส่วนได้แก่ การสื่อสารภาษาอังกฤษ, การคิดอย่างมีเหตุผล และสมรรถนะการทำงาน
อีกส่วนคือ PAT ก็ปรับเป็น TPAT ประกอบไปด้วยความถนัดวิชาชีพต่าง ๆ อาทิเช่น กสพท. ศิลปกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และครุศาสตร์ เป็นต้น
สุดท้ายคือ วัดความรู้เชิงวิชาการ หรือ A-LEVEL ซึ่งแต่เดิมวิชาสามัญจะสอบ 9 วิชาแต่ A-LEVEL จะเพิ่มเป็น 15 วิชา คือ คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1, คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2, วิทยาศาสตร์ประยุกต์, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, สังคมศึกษา, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศ อื่น ๆ โดยผู้สอบสามารถเลือกสอบได้สูงสุด 10 วิชา
การสอบในปีนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าข้อสอบจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ อย่างตามที่กล่าวไปข้างต้น โดยเฉพาะข้อสอบ TGAT ที่มีการเพิ่มพาร์ทใหม่ขึ้นมา รวมไปถึง TPAT ที่มีการปรับข้อสอบให้เน้นการนำมาประยุกต์ใช้มากขึ้น เพราะฉะนั้นน้อง ๆ DEK66 ต้องฟิตอ่านหนังสือ ติวสอบมหาลัยกันอย่างเข้มข้นเพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาที่ต้องสอบมากที่สุด หากน้อง ๆ คนไหนที่ยังสับสนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ก็สามารถทักมาปรึกษาพูดคุยกับพี่ ๆ ติวเตอร์ตัวต่อตัวจาก Highskill ได้เลย เราพร้อมจะช่วยเหลือและพาน้อง ๆ เข้ามหาลัยในฝันที่ต้องการ!