“ผมว่าชีวิตไม่มีปาฏิหาริย์หรอก” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณพ่อผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีพูดไว้ในตอนสัมภาษณ์กับนิตยาสาร HELLO! Education ในปี พ.ศ. 2563
เรื่องราวของ “แสนดี” ลูกชายสุดที่รักของ “ชัชชาติ” เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2543 พร้อมกับความผิดปกติบางอย่าง จากการสังเกตของเหล่าบรรดาญาติพี่น้องที่ต่างสังเกตว่าเมื่อเรียกแล้ว “แสนดี” กลับไม่หันตอบ ราวกลับว่าไม่ได้ยิน
ราวกับฟ้าถล่มในทันทีเมื่อความชัชชาติได้ทราบความจริงจากคุณหมอว่าแสนดีมีสภาวะหูหนวก 100% ไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย ชัชชาติในตอนนั้นได้แต่ปฏิเสธสิ่งรับรู้ และเติมเต็มด้วยอารมณ์เศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากแต่ในท้ายที่สุดชัชชาติก็ได้สติและลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่เจออีกครั้งและพบว่า “ชีวิตไม่มีปาฏิหาริย์ เราต้องสร้างมันด้วยตนเอง”
ชัชชาติพยายามค้นหาแนวทางการรักษาให้กับแสนดีอย่างสุดความสามารถ หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การผ่าตัดเพื่อฝังประสาทหูเทียมดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ประเทศออสเตรเลีย
ชัชชาติผู้เป็นอาจารย์สอนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาในขณะนั้นจำเป็นต้องหาวิธีที่จะลางานเพื่อพาแสนดีไปผ่าตัด ซึ่งเขาเองพยายามสอบชิงทุนของรัฐบาลออสเตรเลียซึ่งมีการเปิดสอบในขณะนั้นพอดีจนสำเร็จ
การผ่าตัดใช้เวลาสั้นๆเพียง 2 ชม. แต่การที่แสนดีจะฟังและพูดได้นั้นหัวใจสำคัญคือการฝึกฝนการฟังและการพูด ซึ่งครูที่ดีที่สุดก็คือพ่อและแม่นั่นเอง แม้ในช่วง 6 เดือนแรกที่ชัชชาติและภรรยาพยายามจะสอนและฝึกให้แสนดีพูด แต่แสนดีกลับไม่ยอมพูดหรือตอบสนองอะไรเลย จนบางครั้งเกิดคำถามในใจว่า “เราทำถูกทางหรือเปล่า”
แต่ความพยายามไม่เคยทรยศต่อผุ้ที่พากเพียร เพราะในท้ายที่สุดแสนดีก็เริ่มพูดกลายเป็นเด็กที่ช่างพูดคุยในที่สุด หลังจากการฝึกพูดอยู่ราว 18 เดือน แสนดีเติบโตและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ มีสังคมที่อบอุ่น
จนในวันที่แสนดีประสบความสำเร็จจากการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์จาก University of Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จคือ พ่อของเขา ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค์ใดๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก hellomagazine.com