คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในสมัยนี้ ใครที่ได้ภาษาดีๆก็คงจะมีแต้มมากกว่าคนอื่น ทั้งในการเรียนต่อหรือการสมัครงาน โดยเฉพาะภาษาสากลอย่าง”ภาษาอังกฤษ” ที่ยิ่งดีเท่าไรก็ยิ่งมีชัยมากเท่านั้น
การสอบวัดระดับด้านภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มหาวิทยาลัยและองค์กรทั่วโลกต่างก็ใช้เป็นส่วนประกอบในการพิจารณาคัดเลือกเข้าเรียนหรือเข้าทำงานซึ่งแต่ละที่ก็ใช้ข้อสอบที่ต่างกันออกไป บางที่ใช้ TOEIC แต่บางที่ใช้ TOEFL แล้วอย่างงี้เราควรสอบอะไรดีละ ถ้ายังงงๆและสับสนอยู่ตามน้องสกิลมา เดี่ยวช่วยเคลียร์ข้อสงสัยให้นะ
TOEIC
มาถึงข้อสอบตัวแรกที่แสนจะคุ้นหูอย่าง TOEIC หรือที่เราเรียกกันว่า “โทอิค” เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ชื่อเต็มๆว่า Test of English for International Communication โดยข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบที่มีองค์กรใหญ่ๆก็ใช้ร่วมพิจรณาเข้ารับทำงานกันเยอะอยู่เหมือนกัน เช่น กลุ่มการบิน งานโรงแรม การท่องเที่ยว งานด้านธนาคาร รวมไปถึงงานที่ต้องมีการสื่อสารภาษาอังกฤษในองค์กร
ข้อสอบ TOEIC แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆตามนี้จ้า
1. ข้อสอบการฟัง 100 ข้อ คิดเป็น 495 คะแนน
2. ข้อสอบการอ่าน 100 ข้อ คิดเป็น 465 คะแนน
โดยคะแนนพื้นฐานที่ควรได้คือประมาณ 550-650 คะแนน ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละองค์กรด้วยนะ
TOEFL
ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอีกชื่อหนึ่งที่หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินก็คือ TOEFL หรือที่เรียกว่า “โทเฟล” หรือ Test of English as a Foreign Language ซึ่งการสอบ TOEFL เป็นการสอบที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกโดยในปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำส่วนใหญ่ทั้งในอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ก็ยอมรับผลสอบ TOEFL เพื่อการพิจารณาในการรับสมัครแล้วนะ
ข้อสอบ TOEFL แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆตามนี้จ้า
1. ข้อสอบการฟัง ประมาณ 6 ข้อ คิดเป็น 30 คะแนน
2. ข้อสอบการพูด ประมาณ 6 ข้อ คิดเป็น 30 คะแนน
3. ข้อสอบการอ่าน ประมาณ 60 ข้อ คิดเป็น 30 คะแนน
4. ข้อสอบการเขียน เขียน 2 บทความ คิดเป็น 30 คะแนน
โดยคะแนนพื้นฐานที่ควรได้คือประมาณ 80-100 คะแนน ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละองค์กรด้วยนะ (Stanford University / Harvard University ก็เอาคะแนนที่ 100 คะแนนเป็นขั้นต่ำจ้า)
IELTS
สุดท้ายก็คงถึงคราวของ IELTS หรือ “ไอเอล” ซึ่งเจ้าชื่อ IELTS เนี่ยเค้ามีชื่อเต็มๆว่า International English Language Testing System ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อในประเทศฝั่งยุโรปและออสเตรเลียซะส่วนใหญ่ ผลการทดสอบ IELTS นั้นถือเป็นที่ยอมรับจากองค์กรกว่า 10,000 แห่ง ครอบคลุมทั้งองค์กรภาครัฐ สถานศึกษา และสถาบันชั้นนำกว่า 140 ประเทศ เช่น ประเทศไทย ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ IELTS ยังเป็นบททดสอบภาษาอังกฤษเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการยอมรับจากกองตรวจคนเข้าเมืองในหลายๆ ประเทศด้วยจ้า
ข้อสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆตามนี้เลย
1. ข้อสอบการพูด แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การพูดคุยเรื่องทั่วไป การใช้ชีวิตประจำวัน / พูดบรรยายจากบัตรคนเดียวประมาณ 3-4 นาที / พูดโต้ตอบกันในหัวข้อที่ได้จากส่วนที่สอง
2. ข้อสอบการฟัง ฟังเนื้อเรื่องจากเครื่องเล่น CD ซึ่งเนื้อหาจะประกอบไปด้วยการสนทนา และบทพูด
3. ข้อสอบการอ่าน 3 บทความ มีข้อคำถาม40 ข้อ
4. ข้อสอบการเขียน 2 เรื่อง ประมาณ 150-250 คำต่อเรื่อง
โดยคะแนนพื้นฐานที่ควรได้คือประมาณ 6.5-7.0 คะแนน ยิ่งหากต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย Top50 ของอเมริกาละก็ควรจะได้คะแนนอย่างน้อย 6.5 คะแนนเลยนะ
รู้จักข้อสอบทั้ง 3 แบบไปแล้วโดยข้อสอบแต่ละอย่างต่างก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะว่าอยากเข้าศึกษาต่อหรือสมัครงานที่ไหนองค์กรอะไร แล้วต้องใช้คะแนนเท่าไร เชื่อน้องสกิลสิว่าถ้าหากเราวางแผนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เป้าหมายที่เราวางไว้มันต้องสำเร็จไปได้อย่างแน่นอนเลยละ น้องสกิลเอาใจช่วยและสนับสนุนทุกความสำเร็จนะครับ
คอร์สเรียน TOEIC/TOEFL/IELTS ตัวต่อตัวเริ่มต้นเพียง 300 บาท/ชม. เลือกเรียนที่บ้านได้ทันที! สมัครเรียนหรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ตอนนี้ >> m.me/highskill.me